เรียกว่าแรงดีไม่มีตกจริง ๆ ค่ะ สำหรับภาพยนต์อนิเมะชั่นสุดฮิตจากญี่ปุ่น ‘ดาบพิฆาตอสูร เดอะมูฟวี่ : ศึกรถไฟสู่นิรันดร์’ หลังที่ได้เปิดตัวอย่างถล่มทลายบน Box Office ประเทศไทย ไปเมื่อวันที่ 9 ธันวาคม 2563 ที่ผ่าน จนทำให้ตอนนี้มีรายได้ทะลุ 100 ล้านบาทเป็นที่เรียบร้อย
และแม้ตอนนี้ในประเทศไทยกำลังเผชิญหน้ากับปัญหา COVID-19 อยู่ แต่ภาพยนตร์อนิเมะ Kimetsu No Yaiba : Mugen Ressha Hen ดาบพิฆาตอสูร เดอะมูฟวี่ : ศึกรถไฟสู่นิรันดร์ ก็ยังคงเป็นหนังที่ทำรายได้อย่างต่อเนื่อง ซึ่งสัปดาห์แรกที่เข้าฉายรวมไปถึงรอบพิเศษนั้น ได้ทำรายได้มากถึง 21.9 ล้านบาท (รายได้ทั่วประเทศกว่า 45.8 ล้านบาท) และในขณะนี้ก็ยังคงเป็นภาพยนตร์ที่ทำรายได้สูงเป็นอันดับที่ 2 ของสัปดาห์นี้ ซึ่งถือว่าเป็นภาพยนต์อนิเมะของญี่ปุ่นที่มาแรงมากในปี 2020 ที่สามารถทำเงินทะลุร้อยล้านบาทได้

นอกจากนี้ เมเจอร์ซีนีเพล็กซ์ ยังได้รวบรวมสถิติจาก THAILAND BOX OFFICE ตั้งแต่วันที่ 17 – 21 ธันวาคม 2563 เกี่ยวกับอันดับหนังที่ทำเงินสูงสุดในประเทศไทย ดังนี้
- อันดับที่ 1 : Wonder Woman 1984 ทำได้รายได้ 66.6 (ล้านบาท)
- อันดับที่ 2 : ดาบพิฆาตอสูร The Movie ทำรายได้ 12.8 (ล้านบาท)
- อันดับที่ 3 : อ้าย..คนหล่อลวง ทำรายได้ 7.8 (ล้านบาท)
- อันดับที่ 4 : อีเรียมซิ่ง ทำรายได้ 2.5 (ล้านบาท)
- อันดับที่ 5 : Soul Snatcher ทำรายได้ 0.5 (ล้านบาท)

ซึ่งในส่วนของภาพยนตร์เรื่องดาบพิฆาตอสูร เดอะมูฟวี่ ตอน ศึกรถไฟสู่นิรันดร์นั้น จะเป็นอนิเมะที่ได้สร้างขึ้นมาในรูปแบบของภาพยนตร์ที่บอกเล่าเรื่องราวต่อจากมังงะเวอร์ชั่นหนังสือ เล่มที่ 7 หรือจากอนิเมะซีรีส์ตอนที่ 26 เมื่อทันจิโร่และเพื่อน ๆ นักล่าอสูรได้ฟื้นฟูสภาพร่างกายกลับมาอีกครั้ง หลังจากที่ได้ต่อสู้กับข้างแรม 5 เสร็จ พวกเขาก็ได้รับภารกิจใหม่ ให้เดินทางไปตรวจสอบการหายตัวไปอย่างลึกลับของผู้คนบนรถไฟสายหนึ่ง และที่นั่นก็ทำให้ได้พบกับเร็นโกคุ เคียวจูโร่ เสาหลักแห่งไฟ ที่เป็น 1 ใน 9 เสาหลัก โดยไม่รู้ตัวเลยว่าที่นั่นมี เอ็นมุ 1 ในข้างแรมรอต้อนรับพวกเขาอยู่ หลังจากนั้นการต่อสู้ต่าง ๆ จึงเริ่มต้นขึ้น
อีกทั้ง ในเรื่องก็มีเนื้อหาที่ครบรสทั้งแอคชั่น โรแมนติก ตลก และมีดราม่าชนิดที่ว่าทำคนดูบ่อน้ำตาแตกไปตาม ๆ กันได้เลยล่ะ แต่ในส่วนของคนที่ไม่คุ้นเคย ไม่เคยดูมังงะ หรืออนิเมะมาก่อน ก็อาจจะเกิดความงงระหว่างการชมและไม่ค่อยอินกับเนื้อเรื่อง ซึ่งอาจจะทำให้เสียอรรถรสในการชมเลยก็ได้ เพราะเนื้อเรื่องเป็นการเล่าต่อจากซีรีส์ ฉะนั้น แนะนำให้ดูซีรีส์จนจบ 26 ตอน ก็จะยิ่งเพิ่มระดับความมันส์ในการรับชมภาพยนตร์เรื่องนี้ได้ค่ะ
ข้อมูลเพิ่มเติมจาก : Sanook