Movies & Film Blog

Raya and the Last Dragon ภาพยนต์คุณภาพที่คุณควรดู

หลังจากที่ทางดิสนีย์ได้พาคนดูออกไปผจญภัยในเมืองจีน กับภาพยนตร์เจ้าหญิง ‘มู่หลาน’ และผจญภัยในหมู่เกาะกับ ‘โมอาน่า’ คราวนี้ดิสนีย์เล่นใหญ่ด้วยการหยิบเอาวัฒนธรรมทางโซน SEA เอเชียตะวันออกเฉียงใต้มาเล่นกันบ้าง กับภาพยนตร์เจ้าหญิงที่ยิ่งใหญ่ที่สุดแห่งปี 2021 กับ ‘Raya and the Last Dragon รายากับมังกรตัวสุดท้าย’

ซึ่งสาเหตุที่ต้องหยิบยกเรื่องราวของเอเชียอาคเนย์นั่นก็เป็นเพราะในเนื้อเรื่องต้องการบอกเล่าเรื่องราวต่าง ๆ ของคนในหลากหลายชนเผ่า ที่แล่ชนเผ่าก็จะมีวัฒนธรรมและเอกลักษณ์เด่นที่แตกต่างกันออกไป

Raya and the Last Dragon เป็นเรื่องราวที่เกิดขึ้นในอาณาจักรคูมันตรา สถานที่ที่มีมนุษย์และมังกรอาศัยอยู่ร่วมกันอย่างสงบสุข แต่จู่ ๆ ก็มีพลังมืดอันชั่วร้ายได้คุกคามทำให้ผู้คนกลายเป็นหินและแตกคอกัน เหล่ามังกรก็ได้สละชีวิตของตัวเองเพื่อปกป้องเหล่ามนุษย์ เมื่อวันเวลาผ่านไปกว่า 500 ปี ปีศาจร้ายตัวเดิมก็ได้ย้อนกลับมาอีกครั้ง ซึ่งแน่นอนเลยว่ามันกลายเป็นหน้าที่ของ ‘รายา’ เจ้าหญิงนักรบผู้กล้าหาญที่ต้องออกตามล่ามังกรตัวสุดท้ายในตำนาน เพื่อกอบกู้แผ่นดินและประชาชนที่กำลังแตกแยกให้กลับมารวมตัวกันอีกครั้ง

ซึ่งแน่นอนเลยว่าระหว่างการเดินทางของเธอก็ได้เจอกับเรื่องราวต่าง ๆ มากมาย เพื่อให้เธอได้เรียนรู้ว่ามีบางสิ่งที่สำคัญกว่าการใช้มังกรปกป้องโลก

และเนื้อเรื่องการออกแบบฉาก ตัวละคร หรือองค์ประกอบส่วนใหญ่มักจะอ้างอิงวัฒนธรรมความเป็นไทย ที่ได้ถูกดัดแปลงให้มีความเป็นสากลขึ้น และถึงแม้ว่าจะดำเนินด้วยรูปแบบสำเร็จตามฉบับของดิสนีย์ ในบางมุมอาจมีความจำเจ เป็นเนื้อเรื่องเดิม ๆ ที่เราคุ้นเคย ไม่ได้หวือหวามากเท่าไหร่นัก แต่ในส่วนของการเล่าเรื่องกลับมีความน่าสนใจอย่างน่าประหลาด ที่สำคัญทุกคาแรกเตอร์ตัวละครยังมีความโดดเด่น และมีมิติทุกตัวเลยล่ะ

แต่ตัวละครที่เรียกว่าเด่นสุด ๆ และเอาคนดูได้อยู่หมัดคงจะต้องยกตำแหน่งให้กับ ‘รายา’ ที่มีความเป็นหญิงแกร่ง เด็ดเดี่ยว ส่วนผสมอื่น ๆ อาจะมีความคล้ายกับเจ้าหญิงดิสนีย์ตัวอื่น ๆ แต่ตีโจทย์ได้แตกต่างมากจริง ๆ ‘นามาริ’ อีกหนึ่งคาแรกเตอร์ที่น่าค้นหา มีอินเนอร์คล้าย ๆ กับรายา แต่มีมิติกว่าเจ้าหญิงของเรื่องอย่างบอกไม่ถูก (มีพากษ์แยกต้องดี๊ดีแน่นอน)

‘เจ้ามังกรซิซู’ เป็นตัวละครสัตว์วิเศษตามแบบของดิสนีย์ แต่ถูกแต่งเติมชีวิตและจิตใจเข้าไปในตัวละคร ทำให้คนดูรู้สึกอิน และซาบซึ้งไปเลยล่ะค่ะ

ใครที่มีแพลนจะไปดูหนังเรื่อง Raya and the Last Dragon รายากับมังกรตัวสุดท้าย บอกเลยว่าคุณจะไม่ผิดหวัง เพราะทั้งเนื้อเรื่อง ตัวละคร ฉาก รวมไปถึงองค์ประกอบอื่น ๆ เรื่องนี้ถือว่าทำออกมาได้ดีมาก ๆ เป็นภาพยนตร์การ์ตูนที่ไม่มีพิษมีภัย ดูได้แบบเพลิน ๆ เหมาะกับคนทุกเพศทุกวัย รับรองว่าหลังจากดูจบคาแรกเตอร์เหล่านี้จะทำให้คุณยิ้มได้อย่างแน่นอน

ข้อมูล : True ID

สำหรับใครที่กำลังมองหาหนังดูเพื่อเป็นการส่งท้ายปี 2020 อยู่ล่ะก็ เราขอแนะนำหนังการ์ตูนที่จะทำให้คุณรู้สึกอิ่มเอมใจ ฉุกคิด และมีความสุขในเวลาเดียวกัน กับหนังเรื่อง Soul อัศจรรย์วิญญาณอลเวง

โดยคอนเซ็ปต์ของเรื่องนี้ว่าด้วยเรื่องของดวงวิญญาณ (แบบฉบับของการ์ตูน) ของโจ การ์ดเนอร์ ที่ครั้งอดีตเคยเป็นครูสอนดนตรีสุดโด่งดัง และเขายังได้รับโอกาสให้แสดงที่แจ๊สคลับที่ดีที่สุดของเมือง แต่แล้วเขาแค่ก้ามพลาดไปนิดเดียวทำให้เขาตื่นขึ้นมาอีกครั้งพร้อมกับการกลายเป็นวิญญาณตัวน้อย

เขารู้สึกผิดหวังเพราะรู้สึกว่านี่ยังไม่ใช่เวลาตายของเขา แถมยังไม่ได้ทำในสิ่งที่ฝันมาทั้งชีวิตอีก แต่แล้วเขาก็พยายามหาทางเพื่อกลับไปมนุษย์อีกครั้ง ทำให้ ณ ตอนนี้เขาได้เจอกับ 22 ดวงวิญญาณสุดแก่แดด ผู้ที่ไม่ยอมทำแบบทดสอบใด ๆ เพื่อให้ตัวเองได้ไปเกิดใหม่ และท้ายที่สุดการผจญภัยของทั้งคู่ก็ได้เริ่มต้นขึ้น

ถือว่าเป็นอีกหนึ่งที่มีเรื่องราวที่น่าประทับใจ เด็กดูได้แต่อาจจะเป็นประเด็นที่เข้าใจยากสักเล็กน้อย เพราะเหมือนกับหนังเรื่องนี้จะถูกสร้างสรรค์ออกมาเพื่อให้ผู้ใหญ่ได้ดู ซึ่งเป็นหนังที่เต็มไปด้วยแรงบันดาลใจและข้อคิดในการชีวิตของคนเรา

ซึ่งสตอรี่ของหนังแม้จะเต็มไปด้วยเนื้อเรื่องที่สร้างอยู่บนสถานการณ์ที่เกินจริง แต่ในเนื้อเรื่องก็เต็มไปด้วยเหตุผลต่าง ๆ ที่สร้างไปในทิศทางเดียวกันได้อย่างลงตัว โดยใน 100 นาทีของหนังก็สามารถบอกเล่าเรื่องราวของดวงวิญญาณได้แบบครบรส ซึ่งผลงานนี้ก็ถือว่าทำให้ ‘พีท ด็อกเตอร์’ ผู้กำกับชื่อดังที่เคยทำชื่อเสียงอย่างเรื่อง Inside Out ได้กลับมาท็อปฟอร์มอีกครั้ง

ซึ่งรอบก่อนทางผู้กำกับได้สื่อสารรูปแบบนามธรรม ผ่านรูปธรรมที่บอดเล่าเรื่องราวภาวะอารมณ์ของคนได้อย่าลงตัว แต่คราวนี้ก็ได้หยิบจิตวิญญาณความเป็นมนุษย์มาเล่น และต้องยอมรับว่าเขาสามารถทำมันออกมาได้ดีเลยทีเดียวค่ะ

และตัวละครหลักทั้ง 2 ตัว แม้จะกลายเป็นวิญญาณ แต่ก็สามารถสื่อสารความเป็นมนุษย์ได้อย่างลงตัว ทั้งการตามหาสิ่งที่ชอบ ทำตามใจคิด มีนิสัยทั้งด้านดีและด้านเสีย ถือว่าเป็นตัวละครหลักที่สามารถรับหน้าที่ตัวเอกได้อย่างดีเยี่ยม

แต่ด้วยความที่เนื้อหามีเพียง 100 นาที จึงต้องมีความกระชับและเล่าเรื่องราวแบบฉับไว จึงทำให้บางฉากบางตอน คนดูยังไม่ทันได้อินกับเนื้อหาบางอย่างมากเท่าที่ควร หนังกลับมีจังหวะโดด ๆ ไปบ้าง แต่หากพูดถึงภาพรวมแบบไม่เจาะลึกก็ยังถือว่าอยู่ในขั้นที่โอเคมากอยู่ดี

เอาเป็นว่าหากใครกำลังจะไปดูหนังเรื่องนี้ ขอแนะนำเลยค่ะว่าคุณควรดูจริง ๆ เพราะหลังจากดูเสร็จอาจจะทำให้คุณได้รู้ถึงจุดหมายของการเป็นมนุษย์ และวัฏจักรต่าง ๆ ที่แม้แต่ตัวเราเองก็ไม่สามารถจะฝืนมันได้ แต่ท้ายที่สุดเราก็จะย้อนกลับมาถามตัวเองว่าระหว่างที่เรากำลังมีชีวิตอยู่เราได้ทำหรือได้ค้นพบความเป็นตัวเองแล้วหรือยัง

ขอบคุณข้อมูลเพิ่มเติม : True ID

เมื่อพูดถึงหนังรักหลาย ๆ คนอาจจะมองหนังข้ามหนังรักที่เป็นฝีมือของคนไทย เพราะคิดว่ายังไงซะมันคงจบลงแบบเดิม หรือไม่เนื้อเรื่องก็คงจะไม่แตกต่างจากละครหลังข่าว เพียงแค่หนังรักของไทยมีความยาวเพียงแค่ไม่กี่ชั่วโมงก็จบ

หากคุณกำลังเป็นหนึ่งคนที่มีความคิดนั้นอยู่ล่ะก็ เราอยากให้คุณลองเปิดใจให้กับภาพยนตร์รักส่งท้ายปี 2020 อย่าง ‘วอน (เธอ)’ ที่ถึงแม้ตัวนักแสดงหรือทีเซอร์หนังอาจจะไม่ได้มีความดึงดูดมากนัก แต่หากคุณได้ไปชมเองจะรู้สึกถึงพลังบางอย่างที่ตัวละครและฉากต่าง ๆ พยายามถ่ายทอดสู่คนดู

ซึ่งเรื่องนี้ถูกถ่ายทำขึ้นมาภายใต้คอนเซ็ปต์ ‘เพราะความรักไม่ได้มีแค่ด้านเดียว’ จึงเกิดมาเป็นเรื่องราวของตัวละครทั้ง 4 คน 4 มุมมอง แต่เรื่องรักของพวกเขาเหล่านี้เป็นเรื่องเดียวกัน โดยผลงานการสร้างหนังเรื่องนี้เป็นของ ‘ชิง-สุโกสินทร์ อัครพัฒน์’ ที่ได้ปรับโหมดตัวเองมาสร้างหนังรักแทน โดยก่อนหน้านี้เขาเคยเขียนบทจากเฟรนไชส์หนัง ‘ตีสาม’ ให้ประสบผลสำเร็จมากแล้ว

สำหรับเรื่องโลเคชั่นในหนังก็ใช้สถานที่ต่าง ๆ ในกรุงเทพฯ ถ่ายทำ แต่ที่น่าแปลกใจก็คือแต่ละสถานที่ถูกปรับโทนสี แสง และการจัดวางต่าง ๆ ทำให้เราไม่รู้สึกคุ้นกับสถานที่ในหนัง ถือได้ว่าเป็นหนังรักวัยรุ่นที่สามารถยกระดับความโมเดิร์นของกรุงเทพฯได้อย่างดีเยี่ยม และเพลงที่นำมาจัดวางในหนังก็ทำออกมาได้ดีมาก ๆ เช่นกัน เอาเป็นว่าเพลงขึ้นตอนไหนก็ทำให้เราอินตามตัวละคร ณ เวลานั้นไปแบบไม่รู้ตัวเลยค่ะ

และเรื่องนี้ก็ไม่ได้เป็นหนังรักธรรมดาแบบเรื่องอื่น ๆ แต่กลับเป็นหนังรักที่มาพร้อมกับข้อคิดเรื่องความรัก ว่าตัวเราจะเชื่อในมุมมองที่เราเห็นหรือเปล่า เพราะในหนังได้ถ่ายทอดออกมาว่าชีวิตของคนเราไม่ได้มีแค่มุมมองเดียว ทุกชีวิตล้วนมีเรื่องราวต่าง ๆ และทุกการตัดสินใจก็มักจะเป็นบันไดอีกขั้นที่ช่วยให้เราเติบโต และท้ายที่สุดหนังเรื่องนี้ก็ทำให้เราได้รู้ว่าทุกคนล้วนเป็นพระเอกนางเอกในเรื่องราวของตัวเองเสมอ อยู่ที่ว่าเราจะลงเล่นเองหรือไม่ เท่านั้น…

เป็นหนังรักส่งท้ายปี 2020 ที่เราอยากให้ทุกคนได้ไปดูจริง ๆ ค่ะ มันดีไปหมดทั้งนักแสดง โลเคชั่น โทนสี เพลง หากรวม ๆ คะแนนแบบเป็นกลางก็ขอให้เรื่องนี้ 8/10 แล้วกัน ขอแอบหักเนื้อเรื่องบางตอนที่ดูต่างจากความเป็นจริงไปสักเล็กน้อย แต่ภาพรวมถือว่าเป็นหนังที่อยู่ในระดับที่น่าจับตามองเลยค่ะ

ข้อมูลเพิ่มเติม : True ID

โดยก่อนหน้านี้ทางมาร์เวลได้ออกมาประกาศว่าจะมีการนำเสนอเรื่องราวน้องชายของเทพเจ้าสายฟ้าในจักรวาลมาร์เวล อย่าง ธอร์ นั่นก็คือโลกิ ซึ่งเรื่องราวต่าง ๆ นี้ ไม่ได้ถูกถ่ายทอดผ่านภาพยนตร์แบบที่เราคุ้นตา แต่จะถูกถ่ายทอดในรูปแบบของซีรีส์ให้เหล่าแฟน ๆ ได้ชมกันผ่านสตรีมมิ่ง Disney+ ซึ่งถือว่าเป็นปรากฏการณ์ครั้งใหญ่ ที่ทางดิสนีย์ได้เปลี่ยนรูปแบบอุตสาหกรรมบันเทิงไปจากเดิม เพื่อให้เหล่าแฟน ๆ มาร์เวลได้ซึมซับเรื่องราวของตัวละครที่ไม่ค่อยมีบทบาทมากนักในภาพยนตร์

และตอนนี้ก็มีอีกหนึ่งกระแสฮือฮาที่ทาง Marvel Studios ได้มีการปล่อยภาพโปสเตอร์ซีรีส์ ‘WandaVision’ ออกมา และแน่นอนเลยว่าในช่วงปีหน้าเหล่าแฟน ๆ ที่คิดถึงฮีโร่ในดวงใจอย่าง สการ์เล็ต วิตช์ และวิชั่น ก็จะได้รอชมกันอย่างแน่นอน

รู้จักกับ Wanda และ Vision ก่อนดูจริงปีหน้า!

โดยซีรีส์เรื่องแวนด้าวิชั่นถือว่าเป็นซีรีส์ Sitcom (ซิทคอม) เรื่องแรกในจักรวาลมาร์เวล ซึ่งเนื้อเรื่องที่นำมาจัดทำเป็นซีรีส์นั้น ทางมาร์เวลย้ำอีกว่าเป็นจักรวาลเดียวกับภาพยนต์มาร์เวล และเหมาะมาก ๆ สำหรับคนที่วางแพลนจะไปชมหมอแปลก (Doctor Strange: In the Multiverse of Madness) เพราะทั้งสองเรื่องจะมีความเชื่อมโยงกันนั่นเองค่ะ

ซึ่งตัวละครหลักของซีรีส์เรื่องนี้ แน่นอนเลยว่าคงต้องเป็น แวนด้า แม็กซีมอฟฟ์ หรือ สการ์เล็ต วิทช์ ซึ่งถือว่าเธอเป็นฮีโร่หญิงในมาร์เวล ที่มีพลังแข็งแกร่งมาก เธอเป็นน้องสาวของ ควิด ซิลเวอร์ หรือ เปโตร แม็กซิมอฟฟ์ พี่ชายที่สามารถเคลื่อนไหวได้เร็วเหนือกว่ามนุษย์ ซึ่งพลังของแวนด้านั้นถือเป็นพลังวิเศษที่เกิดขึ้นเองโดยไม่ต้องฝึกฝนอะไรมากมาย

แวนด้ามีพลังเกี่ยวกับการจัดการกฎความเป็นไปของทุกสิ่งได้ เธอสามารถจัดการกับความจริง ทั้งยังสามารถเปลี่ยนแปลงความจริงบางอย่าง ซึ่งพลังจะเกิดขึ้นได้ก็อยู่ที่สภาพแวดล้อมรอบ ๆ ตัวเธอ ทั้ง ความเครียด ความเกลียดชัง และความกดดันต่าง ๆ จะสามรถสร้างเป็นสิ่งเร้าหรือเร่งพลังของแวนด้าให้มีอนุภาพที่ร้ายแรงขึ้น แต่ทั้งหมดนี้เธอก็ต้องอาศัยสมาธิของตัวเองด้วย ยิ่งเธอบิดเบือนความรู้สึกหรือความเป็นจริงมากเท่าไหร่ ตัวเธอเองก็จะยิ่งใช้พลังมากและอ่อนแอลงเท่านั้น

มาต่อกันที่ วิชั่น ซึ่งเป็นหุ่นยนต์ในร่างมนุษย์ถูกสร้างขึ้นจาก อัลตรอน แต่เดิมวิชั่นถูกส่งมาเพื่อจัดการกับเหล่าอเวนเจอร์ แต่ว่าวิชั่นเกิดกลับใจ และหันมาอยู่ฝั่งเดียวกับอเวนเจอร์ซะงั้น โดยวิชั่นก็ได้หันไปจัดการกับพวกอัลตรอนแทน ทำให้วิชั่นได้รับเชิญให้มาเป็นหนึ่งในสมาชิกของอเวนเจอร์ อีกทั้งความสามารถของวิชั่นก็ยังแข็งแกร่งและทนทาน เขาสามารถเปลี่ยนแปลงร่างกายให้แข็งแรงเหมือนเพชร แถมยังปล่อยพลังลำแสงจากพระอาทิตย์อีกด้วย

ซึ่งในซีรีส์ก็จะมีทั้งหมด 6 ตอนด้วยกัน โดยจะเล่าถึงเรื่องราวความรักของทั้งคู่ ที่สำคัญเขาและเธอยังมีลูกแฝดตัวน้อย ๆ อีกด้วยนะ และทั้งสองตัดสินใจปลีกตัวไปใช้ชีวิตกันที่รัฐนิวเจอร์ซีย์ ก่อนจะกลับมารวมแก๊งกับเหล่าอเวนเจอร์อีกครั้งในภายหลังนั่นเอง

โดยกำหนดฉายซีรีส์เรื่องนี้ก็จะอยู่ราว ๆ ปี 2021 ยังไงก็รอติดตามกันได้ ส่วนจะเข้าไทยเมื่อไหร่ก็คงต้องรอชมกันอีกทีจ้า

ข้อมูลจาก : Khaosod

หากจะให้พูดถึงภาพยนตร์ในจินตนาการของหลาย ๆ คน แน่นอนเลยว่า ‘แม่มด’ ต้องเป็นหนึ่งในจินตนาการของทุกคนอย่างแน่นอน ซึ่งทุกวันนี้ก็มีหนังในเชิงของเวทมนตร์ออกมาให้เราได้ชมกันมากมาย แต่หนังแม่มดฟอร์มยักษ์แห่งปี 2020 นี้ คงจะเป็นเรื่องอื่นไปไม่ได้นอกจาก The Witches ภาพยนตร์สุดฮาของเหล่าแม่มดที่มีความเกลียดชังเด็ก ๆ และต้องการจะกำจัดเด็กทุกคนให้สิ้นซาก!

ภาพยนตร์เรื่องนี้เคยถูกสร้างมาแล้วในปี 1990 และในปี 2020 นี้ ภาพยนตร์เรื่อง The Witches ก็ได้ถูกนำกลับมาสร้างใหม่อีกครั้ง ภายใต้การกำกับของ โรเบิร์ต เซเม็กคิส พร้อมด้วย 2 นักแสดงนำมากความสามารถอย่าง อ็อกเทเวีย สแปนเซอร์ ที่ในเรื่องจะรับบทเป็นคุณยายสุดแกร่ง และแอนน์ แฮตธาเวย์ ในบทบาทของราชินีแม่มดสุดเกรียน ที่บทจะสวยก็สวยอย่างน่าสะพรึง แต่หากต้องร้ายก็บอกได้คำเดียวว่ามีขนลุก ซึ่งในเรื่องนี้ทั้ง 2 นักแสดงนำก็ได้แบกภาพยนตร์เรื่องนี้ไว้ได้อย่างเต็มพลังเลยหล่ะค่ะ

ซึ่งแนวหนังของภาพยนตร์เรื่อง The Witches จะเป็นภาพยนตร์ที่เหมาะสำหรับคนทุกเพศ ทุกวัย หากผู้ใหญ่ได้ชมก็จะได้รับความบันเทิงไปเต็ม ๆ แต่หากเป็นเด็ก ๆ ก็อาจจะมีความตื่นตาตื่นใจเป็นพิเศษ เพราะเนื้อเรื่องและเรื่องราวต่าง ๆ จะเป็นวัยที่ใกล้เคียงกับพวกเขานั่นเอง

สำหรับเนื้อเรื่องฉบับย่อของเรื่องนี้ คือกลุ่มแม่มดที่ไม่มีเพศ แต่เป็นปีศาจที่อาศัยอยู่ในร่างมนุษย์ พวกมันเกลียดเด็ก ๆ เข้าไส้ และวางแผนทุกอย่างเพื่อจะทำลายล้างเด็ก ๆ เหล่านั้นให้หมดไปจากโลก แต่เรื่องกลับพลิกผันเมื่อแก๊งเด็กตัวจิ๋วที่พวกมันสาปให้กลายเป็นหนูดันกลับมาเล่นงานเธอและหาทางยับยั้งการกระทำอันชั่วร้ายเพื่อไม่ให้เด็กคนอื่น ๆ ตกเป็นเหยื่อ ซึ่งได้รับอีกหนึ่งแรงสำคัญอย่างคุณยาย (อ็อกเทเวีย สแปนเซอร์) มาช่วยกันแก้ไขสถานการณ์นี้

เรื่องนี้จะใช้ ‘หนู’ แทนสัญลักษณ์ของความน่าขยะแขยงเหมือนกับที่แม่มดสาปเด็ก ๆ เอาไว้ แต่จริง ๆ แล้วหากเหล่าแม่มดมากลายเป็นหนูซะเอง พวกเธอจะมีความน่ารังเกียจกว่าเด็ก ๆ เป็น 100 เท่า เพราะจริง ๆ แล้วความน่ารังเกียจมักแฝงอยู่ภายในใจไม่ใช่เรื่องรูปลักษณ์ภายนอกแต่อย่างใด

ถือว่าเป็นภาพยนตร์อีกเรื่องหนึ่งที่นอกจากจะเต็มไปด้วยพลังความสามารถในการแสดงของเหล่านักแสดงทุกคนแล้ว ยังแฝงไปด้วยข้อคิดดี ๆ แถมยังมีความตลกขบขันอยู่ในบางฉากอีกด้วย แต่ท้ายที่สุดบทสรุปของเรื่องนี้จะลงเอยอย่างไร ทุกคนก็สามารถเข้าไปค้นหาคำตอบกันได้กับภาพยนตร์แม่มดเรื่อง The Witches เปิดฉายแล้ววันนี้ที่โรงภาพยนตร์ทั่วประเทศ

ข้อมูลจาก : True ID